การออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรม
ต้องขอโทษครับติดภาระกิจ ทำให้เขียนเสร็จช้า เป็นไงบ้างครับผ่านมา 7 ตอนแล้ว หวังว่าคงได้รับประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ยังมีเสียงบอกมาว่าขอให้ยกตัวอย่างให้เห็นกันแล้วเข้าใจง่ายๆมาอธิบายกันบ้าง ในตอนนี้จะทำเคสตัวอย่างเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมกัน โดยเราจะเจาะลึกกันเป็นส่วนๆไปเลยนะครับ
ผลิตภัณฑ์(Product) ในปัจจุบันเราสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็นหลักๆ 2 ประเภท ได้แก่
1. สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ Physical products
คนมักคิดถึงการสร้างสรรค์และการสรรหาสินค้าประเภท Physical products มาใช้หรือขายเป็นอันดับต้น ๆ Physical products เป็นสินค้าที่มีตัวตน อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ซองโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ไปจนถึงอาหารและขนม เป็นต้น ฯลฯ
2. สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ Information products
Information Products คืออะไร Information แปลว่า ข้อมูล และ Information products คือ สินค้าที่มุ่งเน้นการให้ข้อมูลความรู้ หรือที่เรามักคุ้นเคยกันดีในรูปแบบของ ชุดผลิตภัณฑ์ How-to ต่าง ๆ ในรูปแบบของ หนังสือ ซีดีออดิโอ วีดีโอคอร์ส และสัมมนาสด Information products เป็นสินค้าที่ไม่มีตัวตน อาทิ การบริการ การให้ความรู้ การอบรม ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งของโดยตรงและสัมผัสได้จากความรู้สึกเป็นหลัก อย่างไรก็ดีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ Information products นี้น้อยคนที่จะนึกถึง ซึ่งเป็นสินค้าอีกประเภทซึ่งสามารถทำเป็นธุรกิจ และมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างสูง ถ้ามีโอกาสจะหาข้อมูลมาให้ในครั้งถัดๆไปนะครับ
การออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ในที่นี้เราจะหมายถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ประเภท Physical products ที่มีการใช้งานได้เหมือนเดิม ใกล้เคียงของเดิม หรือดีกว่าของเดิม หรือแตกต่างจากของเดิมเนื่องจากแนวความคิดใหม่ที่คนทั่วไปให้การยอมรับ สามารถใช้งานได้จริง และที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือต้องขายได้ด้วย ซึ่งในการคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมปัจจุบันมักจะนำเอาปัญหาที่พบอยู่บ่อยๆ มาตั้งเป็นโจทย์เพื่อหาทางในการแก้ไข จนในที่สุดก็เกิดมาเป็น ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซึ่งในแต่ละครั้งจะเกิดมาจากการตั้งคำถามก่อนเป็นสำคัญในครั้งนี้จะขอนำเอาตัวอย่างการออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ใช้สำหรับผู้พิการทางสายตา และผู้สูงอายุที่ยังพอจะทำได้ด้วยตัวเองมาเป็นตัวอย่างซัก 3 ชิ้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องใช้ในครัวที่ใช้สำหรับผู้พิการทางสายตา เป็นผลงานการออกแบบของนักศึกษาชาวสิงคโปร์ ที่จุดประกายขึ้นมาจากการไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่แล้วพบว่า มือของญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นมีรอยแผลมากมายจากการโดนมีดบาด น้ำร้อนลวก ทำให้นักศึกษาท่านนั้นไม่สบายใจ สนใจที่จะหาทางในการลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการผลักดันให้มีการตั้งเป็นโครงการในการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวที่ใช้สำหรับผู้พิการทางสายตา โดยทีมนักศึกษาของสิงคโปร์
ปัญหาที่จุดประกายคือ สงสารญาติผู้ใหญ่ที่พบอุบัติเหตุจากการทำอาหารบ่อยมาก
การตั้งคำถาม
- มีเครื่องใช้ในครัวอะไรบ้างที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
- มีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
- มีวิธีในการป้องกันอย่างไรบ้าง
- ต้องทำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการทำอาหารไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย
ตัวอย่างหลังจากตั้งคำถามแล้วพบว่ามีเครื่องครัว หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยอยู่ได้แก่
1.1 มีด
1.2 ฝาหม้อ(ในขณะอยู่บนเตาและร้อนอยู่)
1.3 การเติมน้ำร้อนใส่ในแก้ว
การจำแนกสาเหตุในการเกิดปัญหาพบว่า
2.1 การถูกมีดบาดที่มือเนื่องจากมองไม่เห็น
2.2 โดนฝาหม้อลวก เนื่องจากการต้มอาหาร
2.3 การเติมน้ำร้อนใส่แก้วจนล้นออกมานอกแก้ว
หลังจากพบสาเหตุ ก็จะเริ่มหาวิธีการในการป้องกันของแต่ละปัญหา และสาเหตุจะพบว่าในการออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องใช้ในครัวที่ใช้สำหรับผู้พิการทางสายตาครั้งนี้จะเป็นการออกแบบชุดรวมกันเพราะเป็นอุปกรณ์เครื่องครัว โดยจะแยกแต่ละอย่างได้ดังนี้
3.1 มีด สาเหตุของปัญหามาจากคมมีดเป็นหลัก ดังนั้นถ้าไม่โดนคมมีด โอกาสที่จะโดนมีดบาดก็จะลดลงได้มากที่สุด
3.2 ฝาหม้อ สาเหตุของปัญหามาจากความร้อนที่ทำให้น้ำในหม้อเดือดเป็นหลัก ดังนั้นจะต้องควบคุมทิศทางของไอน้ำในเวลาที่เกิดควันไอน้ำ และออกแบบที่จับของฝาใหม่ให้อยู่คนละด้านที่จะไม่โดนไอน้ำ
3.3 การเติมน้ำร้อนใส่แก้วน้ำ สาเหตุของปัญหาเกิดจากผู้เติมน้ำร้อนมองไม่เห็น ดังนั้นจึงต้องทำให้ผู้พิการทางสายตาจับต้องได้ว่าระดับอยู่ในระดับที่ต้องการแล้วหรือยัง
ในการตั้งโจทย์ครั้งนี้มีข้อกำหนดอยู่ว่า
4.1 ต้องทำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการทำอาหารไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย
4.2 อุปกรณ์หรือเครื่องใช้จะต้องมีขนาดใกล้เคียงของเดิม หรือยังเป็นขนาดมาตรฐาน
4.3 จะต้องมีวิธีการใช้งานใกล้เคียงของเดิมหรือดีกว่า เช่นการจับการถือต้องง่ายสะดวก ก็คือการนำศาสตร์ หรือความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ในการมาประยุกต์
4.4 รูปลักษณ์ในแง่ของศิลปะเช่น สีสันต่างๆไม่เน้นมาก แต่ในแง่ของ ขนาด ผิวสัมผัสรูปร่าง น่าจะมีผล
4.5 วัสดุ จะมีผลในแง่ของน้ำหนัก ความทนทาน รวมไปถึงราคาของผลิตภัณฑ์ ต้องมีความเหมาะสม ต้องไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้และใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรับประทานได้
4.6 ต้องไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
4.7 นำเอาเทคนิคในการสร้างนวัตกรรมมาใช้ได้แก่
- การลดหรือเอาออก Subtraction
- การเพิ่มหรือการเติม Multiplication
- การแยกหรือสลับขั้นตอน Division
- การรวมกัน Unification
- การเชื่อมโยง Relation
ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ไม่จำเป็นจะต้องใช้เหมือนกัน ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์จะใช้เทคนิคที่ต่างกันดังนี้
มีด เป็นอุปกณ์ที่ใช้ในครัวเพื่อใช้หั่น ตัด อาหารเป็นหลัก การออกแบบจึงเลือกเทคนิคการเพิ่มหรือการเติมส่วนที่ทำไว้สำหรับปิดคมมีดในขณะใช้งาน โดยใช้วัสดุที่ยืดหยุ่นได้ดี และมีความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา มาเป็นส่วนประกอบเพิ่ม ต้องไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้และใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรับประทานได้
ฝาหม้อ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับหม้อ ใช้ในการปิดในขณะทำอาหาร ออกแบบโดยเทคนิคการเอาออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นฝาหม้ออเนกประสงค์ที่ควบคุมทิศทางของไอน้ำเวลามีน้ำเดือด โดยใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนความร้อนได้ดี น้ำหนักไม่มากนักเนื่องจากในเวลาที่น้ำเดือดจะมีแรงดันในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ฝาร่วงหล่นได้จึงต้องมีน้ำหนักบ้างเล็กน้อย ต้องไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้และใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรับประทานได้
ช้อน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการชงเครื่องดื่มต่างๆ ออกแบบโดยการใช้เทคนิคการเพิ่ม โดยการเพิ่มลูกลอยไปใส่ไว้ในก้านของช้อน เมื่อเวลาที่ใส่น้ำถึงระดับที่ต้องการจะสัมผัสได้โดยลูกลอยจะค่อยๆลอยขึ้นมาจนนิ้วสัมผัสได้ วัสดุที่ใช้โดยที่ตัวช้อนอาจจะเป็นพลาสติกหรือโลหะก็ได้ ส่วนลูกลอยอาจจะเป็นพลาสติกที่ลอยน้ำได้ หรือเป็นโฟม แต่ต้องทนความร้อนได้ดี ต้องไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้และใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรับประทานได้
จะเห็นได้ว่าผู้ออกแบบ มีความตั้งใจที่ดี จนเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงประสงค์ที่ตั้งเป้าไว้ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายในการทำเลย ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้ ผู้ออกแบบต้องมี
- สนใจ และใส่ใจ การทำอะไรต้องใช้ใจเป็นเครื่องมือนำไป
- ช่างสงสัย ฉลาดในการตั้งคำถาม
- ใฝ่รู้
- ช่างฝัน หรือชอบฝัน
- มุ่งมั่น
- คิดแตกต่าง
- ที่สำคัญที่สุด ต้องคิดว่าจะต้องทำให้ได้ ไม่ยอมแพ้ ต่ออุปสรรคทั้งปวง
ในครั้งนี้จะขอจบแค่ในส่วนการออกแบบก่อนนะครับ ส่วนของการนำออกสู่ตลาดจะนำมาเสนอในครั้งหน้าครับ สิ่งที่นำเสนอมาในครั้งนี้ ผมก็ได้มาจากการ มองเห็นความตั้งใจ ความมุ่งมั่น การเอาใจใส่ ของผู้ออกแบบเป็นหลัก เพราะผู้ออกแบบมีความรักต่อผู้ที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ ส่วนที่เหลือก็เป็นการใช้ศาสตร์ และศิลปะ นำมาผสมผสานกันอย่างลงตัวจนเกิดมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้จริง และมีผู้ยอมรับ จนสามารถที่จะขายได้จริง หวังว่าผู้อ่านคงจะพอเข้าใจบ้างนะครับ เหมือนเดิมสงสัยส่วนใดแจ้งเข้ามาได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น