จากตอนที่แล้ว ก็มีเสียงสะท้อนกลับมาบางส่วนนะครับ ว่าผมไปเอาข้อมูลมาจากที่ไหน ก็ต้องขอบอกว่ามาจากหลายแหล่งนะครับคือ จากข้อมูลที่เรียนมา ข้อมูลที่เจอมาจากหนังสือหรือใน Internet (ผมจะใส่ที่มาไว้ให้ในวงเล็บ)และประสบการณ์ครับ ที่สำคัญบทความนี้ผมตั้งใจทำให้กับผู้ที่ไม่รู้จักและ ไม่เข้าใจเกี่ยวกับ นวัตกรรมหรือ Innovation ได้เรียนรู้และเข้าใจได้มากขึ้น โดยผมขอใช้ภาษาชาวบ้านเพื่อง่ายต่อการสื่อสารให้เข้าใจนะครับ สำหรับท่านผู้รู้ ที่มีความรู้มากกว่าผมจะช่วยปรับแต่งเพิ่มเติมอะไรก็ยินดีนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะอวดเก่งนะครับ แต่ต้องการเผยแพร่ความรู้ให้สาธารณะได้รู้จักกันมากขึ้น
ก่อนจะไปถึงเรื่องนวัตกรรมกันต่อ ก็ยังมีคำศัพท์อีกคำที่ต้องรู้จักนะครับนั่นคือ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคำนี้จะมาคู่กันกับนวัตกรรมเสมอ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักความหมายของมันกันก่อนนะครับ
Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์
Creativity = Is the ability to bring something new / Creativity is the ability not the activity of bringing something new.
ความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมองซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม เป็นความสามารถทางสมองในการคิดหลายทิศทางจนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่ (ที่มา : /www.im2market.com)
จะเห็นได้ว่ากว่าจะเกิดเป็นนวัตกรรมนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย ดูน่าจะซับซ้อนจังเลยนะครับ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปครับ ค่อยๆ ติดตามนะครับที่นี้เรามาดูรูปข้างล่างนี้กันดีกว่า
ภาพที่ 1 ภาพความแตกต่างระหว่าง ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม
(ข้อมูลภาพจาก : SlideShare by Motaz Agamawi)
ความแตกต่างระหว่าง ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากความสามารถในการคิดสิ่งใหม่ นำไปสู่การสร้าง สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม
สิ่งประดิษฐ์
สิ่งประดิษฐ์เกิดจากการสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาใหม่ นำไปสู่ความรู้ใหม่
นวัตกรรม
นวัตกรรมเกิดจากเกิดเปลี่ยนหรือแปรรูปของความคิด ไปสู่สิ่งใหม่ที่มีความสามารถที่ดีกว่า ซึ่งผลที่ได้อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ บริการหรือขบวนการ ที่เป็นสิ่งใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก
ทีนี้เรามาดูการเกิดการดับของนวัตกรรมกันนะครับ หรือพูดง่ายๆว่าการเกิดของวงจรนวัตกรรม เป็นอย่างไร
ภาพที่ 2 วงจรของนวัตกรรม
(ข้อมูลภาพจาก : SlideShare by Motaz Agamawi)
จากภาพเราจะเห็นว่าจากภาพที่ 2 วงจรนวัตกรรมจะเริ่มจากที่ใดก็ได้เช่นถ้าเริ่มจากการคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ขึ้นมาก่อน ก็จะเกิดขบวนการปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ให้สามารถขายได้หรือใช้งานได้ในชีวิตจริงก็จะกลายเป็นนวัตกรรม จากนั้นก็จะถูกผลักดันเข้าสู่ตลาด เกิดการซื้อขายขึ้น จนกระทั้งระยะเวาลาผ่านไป สิ่งดิษฐ์นั้นก็จะค่อยๆหายไปจากตลาด โดยเกิดจากการที่มีคนคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่มาทดแทนของเดิมที่ดี่กว่า แล้วก็จะกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ขึ้นมาทดแทน จนได้รับการปรับปรุงเป็นนวัตกรรม เป็นอย่างนี้เรื่อยไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเช่น โทรเลข ในอดีตโทรเลขเกิดจากความต้องการในการสื่อสารกัน ให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วกว่าการส่งจดหมายแต่ในที่สุดก็ต้องหมดไปเพราะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่เข้ามาแทนที่ เช่นโทรศัพท์(ที่มีสาย) ต่อมาก็เริ่มจะลดความสำคัญไป เพราะมีโทรศัพท์ไร้สายเข้ามาแทนที่
จากวงจรนวัตกรรม เราจะมาต่อด้วยประเภทของนวัตกรรมกันนะครับ
ทีนี้เรามาดูว่านวัตกรรมแบ่งเป็นประเภทอย่างไรบ้าง
นวัตกรรมแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
Product Innovation นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์
Process Innovation นวัตกรรมด้านกระบวนการ
Service Innovation นวัตกรรมด้านบริการ
จากภาพที่ 3 จะเห็นได้ว่า Product Innovation หรือนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์กับ Service Innovation หรือนวัตกรรมด้านบริการ ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของผู้บริโภคเป็นหลัก ส่วน Process Innovation หรือนวัตกรรมด้านกระบวนการ จะอยู่ในส่วนของภาคการผลิตเป็นหลัก
ภาพที่ 3 การแบ่งประเภทของนวัตกรรม
(ข้อมูลภาพจาก : SlideShare by Motaz Agamawi)
ที่คนทั่วไปเช่นพวกเรารู้จักและสัมผัสได้ส่วนใหญ่จะเป็น Product Innovation หรือนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์เรามาเริ่มกันเลยนะครับ
Product Innovation หรือนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีมากมายในชีวิตประจำวันของเรา ตัวอย่างเช่น : เช่นโทรศัพท์มือถือรุ่นปัจจุบันถ้าเราเทียบกับโทรศัพท์สมัยที่ยังต้องใช้สาย จะพบว่าต่างกันราวกับฟ้ากับดินเลย เพราะ
Product Innovation หรือนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีมากมายในชีวิตประจำวันของเรา ตัวอย่างเช่น : เช่นโทรศัพท์มือถือรุ่นปัจจุบันถ้าเราเทียบกับโทรศัพท์สมัยที่ยังต้องใช้สาย จะพบว่าต่างกันราวกับฟ้ากับดินเลย เพราะ
โทรศัพท์สมัยก่อนยังต้องใช้สาย แต่ปัจจุบันไร้สาย
โทรศัพท์สมัยก่อนยังต้องมีปุ่ม แต่ปัจจุบันไม่มีปุ่ม
โทรศัพท์สมัยก่อนไม่เห็นหน้า แต่ปัจจุบันเห็นหน้าคุยกัน
โทรทรศัพท์สมัยก่อนส่งเอกสารไม่ได้ แต่ปัจจุบันสามารถแนบเอกสารให้กันได้เลยและอื่นอีกมากมาย
Service Innovation หรือนวัตกรรมด้านบริการ
ทีนี้เรามาดูตัวอย่าง Service Innovation หรือนวัตกรรมด้านบริการ ซึ่งก็อยู่ใกล้กับชีวิตประจำวันของคนทั่วๆไปตัวอย่างเช่น : Uber หลังจากจุดกระแส disruption ในวงการธุรกิจบริการแท็กซี่ไปแล้ว Uber ยังพัฒนาโครงการนำร่องรถยนต์ไร้คนขับขึ้นมา เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของรถยนต์ แถมยังแซงหน้า Google ขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนี้อีกด้วย โดย Uber ได้พยายามพิสูจน์ในเรื่องของการลดจำนวนอุบัติเหตุลง และล่าสุด Uber เข้าซื้อกิจการบริษัทสตาร์ทอัพ Otto เพื่อพัฒนาโครงการรถไร้คนขับสำหรับรถบรรทุก ซึ่งในอนาคตการขนส่งทางรถบรรทุกอาจจะไม่ต้องใช้มนุษย์อีกแล้ว
Process Innovation นวัตกรรมด้านกระบวนการ
สุดท้ายเรามาดูตัวอย่าง Process Innovation นวัตกรรมด้านกระบวนการ ตัวอย่างเช่น : บริษัท BMW มีการลดปริมาณหุ่นยนต์ในขบวนการผลิตบางขั้นตอนลง แต่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงขึ้นได้ เช่น ได้มีการนำเอาหุ่นยนต์ที่ใช้ในขบวนการยึดตัวถังเพื่อเชื่อตัวถังรถยนต์ออกไป แต่มีการเพิ่มตำแหน่งการยึดเกาะกันชั่วคราวของตัวถังขึ้นมาแทน ทำให้ลดต้นทุนในการผลิตลงได้และยังสามารถเพิ่มปริมาณการผลิต ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
สุดท้ายเรามาดูตัวอย่าง Process Innovation นวัตกรรมด้านกระบวนการ ตัวอย่างเช่น : บริษัท BMW มีการลดปริมาณหุ่นยนต์ในขบวนการผลิตบางขั้นตอนลง แต่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงขึ้นได้ เช่น ได้มีการนำเอาหุ่นยนต์ที่ใช้ในขบวนการยึดตัวถังเพื่อเชื่อตัวถังรถยนต์ออกไป แต่มีการเพิ่มตำแหน่งการยึดเกาะกันชั่วคราวของตัวถังขึ้นมาแทน ทำให้ลดต้นทุนในการผลิตลงได้และยังสามารถเพิ่มปริมาณการผลิต ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
เราก็มาถึงเรื่องสุดท้ายของบทความนี้นะครับ ก็คือ การแบ่งระดับของความเป็นนวัตกรรม Degree of Innovation
ภาพที่ 4 การแบ่งระดับของนวัตกรรม
(ข้อมูลภาพจาก : SlideShare by Motaz Agamawi)
การแบ่งระดับของนวัตกรรมมีการแบ่งระดับตั้งแต่ มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่เหลือซากของเดิมเลย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็โทรศัพท์อีกนั่นแหละครับที่เปรียบเทียบได้ดีที่สุดดังภาพที่ 5 เป็นวิวัฒนาการของโทรศัพท์ตั้งแต่ใช้สายจนไร้สาย จนถึงปัจจุบัน
ภาพที่ 5 เป็นวิวัฒนาการของโทรศัพท์ตั้งแต่ใช้สายจนไร้สาย จนถึงปัจจุบัน
(ข้อมูลภาพจาก : phoneevolution1315 )
เป็นไงบ้างครับเห็นแล้วเพลียใจมั้ยครับโลกเราอะไรมันจะไปเร็วขนาดนั้น แค่เราอยู่เฉยก็ล้าหลังคนอื่นเค้าแล้วครับยังไม่ทันคิดจะหยุดตามเลย แล้วคิดดูประเทศเราจะเป็นอย่างไรถ้าเราเองยังไม่รู้เท่าทันโลกปัจจุบันเลย ตอนหน้าจะเป็นอะไร คอยติดตามนะครับ และถ้าใครมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะแจ้งไว้ด้านล่างนี้นะครับ ขอบคุณครับที่อ่านมาถึงตรงนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น